วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

1.การใช้ภาษาในบทบรรณาธิการ



    ลักษณะการใช้ภาษาในบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์มีเอกลักษณ์แตกต่างจากบทความทั่วไปคือ
 
 
   1.1 ระดับภาษาที่ใช้ ใช้ภาษาอย่างมีพลัง กระชับ มีน้ำหนัก และจัดระดับความคิด
อย่างเป็นระบบ เข้าใจง่าย ระดับภาษาที่ใช้เป็นภาษาทางการหรือค่อนข้างมีแบบแผน
  
    1.2 ลีลาการเขียน
 ท่วงทำนองการเขียนบทบรรณาธิการต้องขึงขัง จริงจัง มีความชัดเจน
เป็นกลาง ตรงไปตรงมา และอยู่บนพื้นฐานของความสุภาพ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเขียน
ในลีลาแบบกระทบกระเทียบหรือประชดประชันเสียดสี ที่ทำให้ผู้อ่านตีความไปได้หลายมุมมอง
  
     1.3 เนื้อหา
ควรสั้น กระชับ ชัดเจน มีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน ลำดับความคิดและข้อมูล
อย่างต่อเนื่องแต่ละย่อหน้ามีประเด็นชัดเจนในตัวเอง
  
     1.4 การแสดงความคิดเห็น  
ระดับการแสดงความคิดเห็น ใน บทบรรณาธิการเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปอาจมีหลายลักษณะ  คือ  ระดับการอธิบายความ   ระดับการวิพากษ์วิจารณ์   และระดับการเสนอทางแก้ปัญหา
  
     1.5 การโน้มน้าวความคิด
 โดยชี้แจงแสดง เหตุและผลที่มีน้ำหนักน่าเชื้อถือ ไม่ว่าจะด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงสถิติ หรือสถานการณ์ของเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้เขียนอาจให้เหตุผลทั้งวิธีนิรนัย  และอุปนัย แต่ไม่ควรแสดงเหตุผลที่ไม่ถูกต้อง

     1.6 การใช้สรรพนามแทนตัวผู้เขียน
ด้วยเหตุที่บทนำ หรือบทบรรณาธิการเป็นบทความ
ที่แสดงจุดยืนของกองบรรณาธิการ การใช้สรรพนามในบทนำจึงแตกต่างจากบทความประเภทอื่น โดยใช้สรรพนามแทนตัวว่า “เรา” ซึ่งหมายถึงกองบรรณาธิการทั้งกอง
 
 
ลักษณะบทบรรณาธิการที่ดี ต้องประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
 
 
    1) ความชัดเจน
    2) วัตถุประสงค์แน่นอน
    3) เนื้อหาสาระ
    4) ความเด่นชัดในประเด็นที่ต้องการนำเสนอ
    5) ความเป็นกลางและยุติธรรม
    6) ความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นตัวของตัวเอง
    7) ความสมบูรณ์ของเนื้อหาและข้อมูล
 
     
      บทบรรณาธิการที่มีคุณค่าประกอบด้วยความคิดเห็นที่ เป็นเหตุเป็นผล ใช้ภาษาที่สื่อสาร ความคิดตรงไปตรงมา และชัดเจน และชัดเจน ส่วนรูปแบบและลีลาการเขียนอาจแตกต่างกันไปตามลีลา ของผู้เขียนแต่ละคน รวมทั้งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของบทบรรณาธิการแต่ละบทด้วย ไม่ว่าจะต้องการตีความข่าว แสดงความคิดเห็นโต้แย้ง หรือสนับสนุนเหตุการณ์ กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยา ผ่อนคลายบรรยากาศ หรือแถลงนโยบายของกองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฉบับนั้น

 
2. การใช้ภาษาบทวิเคราะห์และบทวิจารณ์ในหนังสือพิมพ์
 
       การใช้ภาษาในบทวิเคราะห์และบทวิจารณ์ในหนังสือพิมพ์ประกอบด้วย
 
 
      2.1 ประเด็นการนำเสนอเรื่อง  การ เขียนบทวิเคราะห์วิจารณ์ในหนังสือพิมพ์ต้องนำเสนอเรื่องที่เป็นสถานการณ์ ปัจจุบัน และน่าสนใจ  หรืออยู่ในกระแสความนิยมของคนอ่าน  เรียกได้ว่าทันยุคทันสมัย บทวิเคราะห์และบทวิจารณ์ควรนำเสนอ ความคิดเห็นในประเด็นเดียว การมีประเด็นสำคัญหลายเรื่องทำให้ผู้อ่านสับสน และหากรียงลำดับความคิดไม่ดีพอ ผู้เขียนจะประสบปัญหา การเขียนวกวน
   
      2.2 การใช้ข้อมูลหลักฐานประกอบ
  การเสนอความคิดเห็นในบทวิเคราะห์  และบทวิจารณ์จะมีรายละเอียดของเท็จจริง หรือหลักฐานประกอบการแสดงความคิดเห็นของผู้เขียน ดังนั้นเมื่อต้องเขียนบทวิเคราะห์ข่าวหรือสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้เขียนจึงต้องมีข้อมูลหรือสัมภาษณ์บุคคล ที่เกี่ยวข้องมาประกอบเพื่อให้งานเขียนของตนมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ ไม่ใช่วิเคราะห์วิจารณ์
อย่างเลื่อนลอยโดยใช้อารมณ์ของเขียนเป็นที่ตั้งฝ่ายเดียว
     
       2.3 ลีลาการใช้ภาษา
ผู้เขียนบทความแต่ ละคนมีลีลาหรือท่วงทำนองการเขียน (style) แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับกลวิธีในการนำเสนอ การดำเนินเรื่อง  และการใช้ภาษา หากผู้เขียนสามารถเลือกลีลาการเขียนที่เหมาะสม และมีลักษณะเฉพาะตัวให้สอดคล้องกับเรื่องราวที่ต้องการวิเคราะห์ หรือวิจารณ์แล้วก็จะทำให้บทความ ของตนน่าสนใจ และน่าติดตาม ดังนั้นลีลาการเขียนและการใช้ภาษาในบทวิจารณ์และบทวิเคราะห์ จึงหลากหลายตั้งแต่ระดับการใช้ภาษา ที่เป็นทางการ  กึ่งทางการไปจนถึงระดับภาษาสนทนา ที่ผู้เขียนบทความต้องการพูดคุย กับผู้อ่านโดยตรง
 
 
การใช้ภาษาสารคดีในหนังสือพิมพ์
 
 
      ลักษณะการใช้ภาษาในงานสารคดีของหนังสือพิมพ์มีลักษณะดังนี้
 
 
      1. ระดับการใช้ภาษา สารคดีหนังสือพิมพ์นิยมใช้ภาษากึ่งทางการและไม่เป็นทางการ  หรือ ภาษาสนทนา แต่ไม่นิยมใช้ภาษาสแลงและหวือหวาที่เป็นคำเฉพาะสมัยในงานเขียน  ยกเว้นกรณีที่ผู้เขียน ต้องการสะท้อนอารมณ์ของเรื่องตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์จริง หรือกล่าวอ้างคำพูด ของบุคคลตาม ที่เป็นจริงจากคำให้สัมภาษณ์ที่นำมาประกอบงานสารคดีเชิงเขียน  หรือสารคดีอัตชีวประวัติ

      2. การใช้สำนวนโวหาร
มีหลากหลายรูปแบบต่างกันไปตามประเภทของสารคดีที่ปรากฏ
ในหน้าหนังสือพิมพ์ คือ
     
        2.1 สารคดีเชิงข่าว        
      เน้นการใช้สำนวนโวหารเชิงอธิบายความหรือเล่าเรื่องเพื่อให้ข้อมูลผู้อ่าน มากกว่าพรรณนา ความสร้างภาพพจน์ ยกเว้นสารคดีเชิงข่าวที่เป็นเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่มีความเคลื่อนไหว หรือความรุนแรง
     
        2.2 สารคดีท่องเที่ยวและสารคดีบุคคล
 
      ผู้เขียนมักใช้ภาษาเชิงบรรยายและพรรณนาโวหารเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพ  ความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยว หรือการอธิบายเล่า ประสบการณ์เพื่อสะท้อนแนวคิด หรือวิถีการดำเนินชีวิต ของบุคคลในสารคดี นอกจากสำนวนโวหาร สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเขียน สารคดีก็คือ ความสมบูรณ์
ของเนื้อหา และข้อมูลการจัดลำดับประเด็นความคิดให้ต่อเนื่อง และสอดคล้องไม่สับสน วกวน
การพรรณนารายละเอียดเพื่อสื่อความหมายได้ชัดเจน ตรงตามที่ต้องการ รวมทั้งมีการอ้างคำพูด  หรือเสริมเกร็ดที่น่าสนใจ ตามความเหมาะสมของเนื้อหาด้วย
 
     
     
     
     
     
     
     
   

การใช้ภาษาในหนังสือพิมพ์



       การใช้ภาษาในหนังสือพิมพ์มีลักษณะแตกต่างจากภาษามาตรฐานอยู่บ้างในด้านของ การเสนอ ข่าวโดยเฉพาะ ข่าวหน้าหนึ่ง   ซึ่งพอจะสรุปลักษณะสำคัญในการใช้ภาษาได้ดังนี้
   1.  ใช้ถ้อยคำง่าย ๆ เรียบเรียงถ้อยคำกระชับ รัดกุม  สะดุดตา
   2.  ใช้ถ้อยคำแปลก ๆ เรียกร้องความสนใจ
   3.  ไม่เคร่งครัดการสะกดการันต์และการใช้ลักษณนาม
   4.  ใช้เครื่องหมายต่าง ๆ เพื่อเน้นความหมายของคำ
   5.  นิยมใช้คำคะนอง  ศัพท์แสลงและอักษรย่อ
   6.  ใช้คำโดยแปลกความหมาย ไม่คำนึงถึงความหมายเดิม
   7.  ใช้คำผิดความหมาย  และใช้คำฟุ่มเฟือย
   8.  ใช้คำโดยไม่คำนึงถึงระบบของภาษา  และหน้าที่ของคำ
   9.  นิยมใช้คำสำนวนต่างประเทศ
   10. ไม่เคร่งครัดแบบแผนของประโยค มักละประธานและคำขยาย
      วิเศษ   ชาญประโคน  (2550, หน้า 50-55)  อธิบายว่า   หนังสือพิมพ์มีข้อจำกัดในเรื่อง ของเวลาภาษาหนังสือพิมพ์จึงมีลักษณะเฉพาะต่างจากภาษาในวงการอื่นดังนี้  คือ
     1.  ใช้ภาษาแปลกใหม่เพื่อให้สะดุดตาสะดุดใจและจำง่าย  โดยเฉพาะส่วนพาดหัวข่าว  ตัวอย่าง
   “ทักษิณ”  กั๊ก  “อภิรักษ์”  ตีกิน 
   “จับ 2 โจ๋  มือฆ่าหลวงพ่อดำ”  
   “มหาชนโวย  สั่ง  ขรก. รับ”
   “มุ้ง  ทรท. ลุ้นแม้ว ปรับ ครม. ปลดยี้”
    
  2. มีการใช้ภาษาระดับปากมากที่สุด   ด้วยเหตุผลที่ต้องเสนอข่าวสาร     เหตุการณ์ให้ผู้อ่านรู้สึก ใหม่สอเสมอ  ทันข่าว ทันเหตุการณ์  มีความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้น  อีกทั้งเพื่อให้ผู้อ่านทุกระดับเข้าใจทันที   ภาษาปากจึงถูกนำมาใช้มากเพราะเป็นคำพื้น ๆ เข้าใจชัดเจน  ภาษาปากได้แก่คำเฉพาะกลุ่ม คำตลาด คำคะนอง สำนวน และคำทับศัพท์
  ตัวอย่าง  ภาษาระดับปาก
   “อุ้มลูกโดดรถไฟทับ”
   “ฝนถล่มทั้งวัน เชียงใหม่ท่วม”
   “โผล่ไทยรับบริจาค  ลัทธิเพี้ยน  คลั่งมนุษย์ต่างดาว”
   “สนั่นลั่น ชาวบ้าน 185 เสียง เชือด รตม.ทุจริต”
3.  ใช้ถ้อยคำฟุ่มเฟือย  เหตุผลที่ต้องใช้ภาษาเฟือยในภาษาหนังสือพิมพ์  เนื่องจากต้องการขยาย รายละเอียดของข่าวหรือเหตุการณ์ให้ชัดเจน และต้องการให้มีความยาว ของข้อความพอเหมาะ กับเนื้อที่ของกระดาษ 
  4.  ใช้ถ้อยคำกะทัดรัด  ในบางกรณีหากพื้นที่หน้ากระดาษที่จะเสนอข่าวมีจำกัดอย่างเช่น
   ส่วนพาดหัวข่าวก็จำเป็นต้องใช้ภาษาที่สั้น  กระชับ  ชัดเจน
    ตัวอย่าง
   “ป๋าเหนาะเปิดใจ ทำไมไม่  'สวน'”
   “เป็นงั้นไป แหกโผงออกเสียง 'ภัทรา' อ้างกดปุ่มผิด”
   “ซีทีx  โพลหอการค้าทั่วประเทศ จี้ รบ. แก้ทุจริต”

5.  ใช้เครื่องหมาย  ภาษาหนังสือพิมพ์มีการใช้เครื่องหมายประกอบการเขียนมาก  ทั้งเครื่องหมายวรรคตอนและเครื่องหมายอื่น ๆ ที่คิดขึ้นให้สอดคล้องกับข่าว  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งข้อความ  เน้นข้อความสำคัญ  แสดงคำเฉพาะ  ขึ้นหัวข้อใหม่  เป็นต้น  การใช้เครื่องหมายบางครั้งมิได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์มากนัก
ตัวอย่าง

  6  มีการใช้ตัวย่อมาก การใช้ตัวย่อในภาษาหนังสือพิมพ์มีค่อนข้างมากกว่าหนังสือทั่วไป  เนื่องจากความจำเป็นในเรื่องของเวลาที่เร่งรัด  และความกำจัดของพื้นที่ข่าวเมื่อผนวกกับคำเต็ม ของตัวย่อบางตัวยาวมาก  จึงเลือกใช้ตัวย่อ ประกอบกับตัวย่อที่ใช้สามารถสื่อความได้ใจเป็นอย่างดี  เพราะเคยอ่านและได้ยินมาก่อนบ้างแล้ว
ตัวอย่าง
  • เซียนบุก  กทม. กว้านซื้อหมดหวยเมืองจันท์
  • ธ.ก.ส. จี้ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น จัดอบรมเกษตรกรทำบัญชี
  • โผ ครม. โชยจากแดนมังกร ‘ป๋ามวล’ ไม่กล้าหัก  ทรท.
  • คุก 5 ปีอดีตเลขา  สช.คดีจัดวื้อ  (ข่าวสด)
  • สว. นักวิชาการแนะทบทวน พรก.           (ข่าวสด)


การใช้ภาษาสื่อสารในหนังสือพิมพ์ นิตยสารและวารสาร

หนังสือพิมพ์

       หนังสือพิมพ์ หมายถึง  หมายถึง สิ่งพิมพ์ประเภทหนึ่งที่มีกำหนดตีพิมพ์เผยแพร่รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายประจำ  ตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ ไม่เย็บเล่ม  และไม่มีปก เนื้อหาส่วนใหญ่ มุ่งเสนอข่าวสารต่าง ๆ เช่น  เช่น  ข่าวสังคม  เศรษฐกิจ การเมือง อาชญากรรม อุบัติเหตุ การศึกษา กีฬา บันเทิง ทั้งในและต่างประเทศ  และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง  กับเหตุการณ์ในปัจจุบัน สารคดี โฆษณา  เป็นต้น  
ลักษณะของหนังสือพิมพ์
       หนังสือพิมพ์มีลักษณะเฉพาะอยู่หลายประการ พอจะสรุปได้ดังนี้  (จันทนา  ทองประยูรและวิภา  วงรุจิระ,2550, หน้า 125-127)
  

     1. หนังสือพิมพ์มีหน้าที่ในการแจ้งเรื่องราวให้มวลชนรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  และติดตาม
สืบสวนเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญ สะเทือนขวัญ  ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่  เป็นที่สนใจกล่าวถึง วิพากษ์วิจารณ์  เป็นต้น

     2. หนังสือพิมพ์ทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนในการให้ความรู้ ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น โน้ม น้าวชักชวน  ชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมหรือในประเทศ   และเสนอเนื้อหาให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่านในรูปแบบต่าง ๆ

    3. หนังสือพิมพ์บรรจุเนื้อหาหลายประเภททั้งข่าว บทความ บทบรรณาธิการ  บทวิเคราะห์
สารคดี  คอลัมน์ประจำและบันเทิงคดีในรูปแบบต่าง ๆ  เนื้อหาทั้งหมดที่นำเสนอต้องผ่านการคัดเลือก กลั่นกรองและความเห็นชอบจากบรรณาธิการให้ตีพิมพ์เผยแพร่  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบาย ของหนังสือพิมพ์

    4. หนังสือพิมพ์มีรูปแบบเป็นแผ่นกระดาษขนาดใหญ่หลายแผ่นที่ผ่านการพิมพ์  ซ้อนกันและพับโดยไม่ทำเล่มหรือเย็บเล่ม  และไม่มีแผ่นหุ้มปก  หน้าแรกของหนังสือพิมพ์ทำหน้าที่ปก
ในตัว

    5. หนังสือพิมพ์มี  2 ขนาด  ได้แก่  ขนาดมาตรฐานหรือขนาดใหญ่   แนวนอนกว้างประมาณ 15  นิ้ว   แนวตั้งยาวประมาณ  21-23  นิ้ว  และขนาดเล็กหรือขนาดแทบลอยด์ (tabloid) มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของขนาดใหญ่ทั้งด้านกว้างและยาว  มักใช้เป็นฉบับแทรกในหนังสือพิมพ์
ขนาดใหญ่   หรือเป็นหนังสือพิมพ์ที่นำเสนอเนื้อหาเฉพาะด้าน

    6. หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่เผยแพร่และจำหน่ายเป็นรายวันหรือทุกวัน  บางฉบับเป็นราย
สามวัน  หรือรายสัปดาห์   หนังสือพิมพ์รายวันส่วนใหญ่นำเสนอข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน  บางฉบับออกหลายกรอบหรือหลายครั้งในหนึ่งวัน  เนื้อหาแต่ลักรอบแตกต่างในด้านการจัดหน้า หน้าแรกและเนื้อหาบางอย่าง

    7. หนังสือพิมพ์หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่เสนอข่าวรายวัน  จำหน่ายในราคาต่อฉบับไม่สูงนัก  การผลิตจึงใช้กระดาษคุณภาพต่ำ  ราคาไม่แพง  เพื่อลดต้นทุนและสามารถจำหน่ายในราคาไม่แพง  

    8. ผู้อ่านหนังสือพิมพ์มีการกระจายตามลักษณะทางประชากรศาสตร์  เช่น เพศ วัย การศึกษา อาชีพ ภูมิลำเนา ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม  เป็นต้น  ผู้อ่านหนังสือพิมพ์อาจมีเฉพาะกลุ่มตามลักษณะเนื้อหา  เช่น เนื้อหาด้านเศรษฐกิจ  ด้านกีฬา  และอาชญากรรม  เป็นต้น
ประเภทของหนังสือพิมพ์
      ประเภทของหนังสือพิมพ์จำแนกโดยอาศัยลักษณะของเนื้อหาเป็นสำคัญแบ่งออกได้เป็น  2  ประเภท  คือ
1.  หนังสือพิมพ์แนวคุณภาพ (quality newspapers)
      หมายถึง หนังสือพิมพ์ที่มุ่งเน้นการเสนอข่าวประเภทข่าวหนัก (hard news) เช่น ข่าวสังคม ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการศึกษา ข่าวเหล่านี้มุ่งสนองความรู้ ความคิดของผู้อ่านเป็นสำคัญ การใช้ภาษา ในหนังสือพิมพ์ประเภทนี้ไม่หวือหวาเร้าอารมณ์มากนัก   มีลักษณะค่อนข้างจริงจังมากกว่า  เนื้อหาหนักไปทางรายละเอียดข้อเท็จจริง   การแสดงความคิดเห็นจะใช้เหตุผลมากกว่าเล่นสำนวน หนังสือพิมพ์ ประเภทนี้มีจำนวนจำหน่ายไม่สูงนัก      ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ประเภทนี้มักจะ เป็นผู้บริหารหรือผู้มี การศึกษาพอสมควร  เช่น  ข้าราชการ  ครู  อาจารย์  นิสิต  นักศึกษา นักธุรกิจ  เป็นต้น         ตัวอย่างหนังสือพิมพ์ประเภทนี้  ได้แก่ มติชน สยามรัฐ สยามโพสต์ ฐานเศรษฐกิจ ประชาชาติธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจรายวัน  เป็นต้น
2.  หนังสือพิมพ์แนวประชานิยม (popular newspapers)
        หรือ  หนังสือพิมพ์ปริมาณหมายถึง หนังสือพิมพ์ที่มุ่งเน้นการเสนอข่าวประเภทเร้าอารมณ์ (sensational) หรือ ข่าวเบา (soft news) เช่น ข่าวอาชญากรรม ข่าวภัยพิบัติต่าง ๆ  ข่าวที่เกี่ยวข้องกับเพศ  ข่าวบุคคล  ข่าวอุบัติเหตุ ข่าวกีฬา ข่าวบันเทิง ข่าวแปลกประหลาด ข่าวในแวดวงสังคม  ข่าวความขัดแย้ง และความรุนแรงต่าง ๆ  เป็นต้น ข่าวเหล่านี้เป็นข่าวประเภทที่คนธรรมดาสามัญทั่วไปสนใจ  สนองอารมณ์ของ คนส่วนใหญ่ในสังคม เหมาะกับผู้อ่านทุกระดับชั้น
    ลักษณะการเสนอเนื้อหาสาระประเภทนี้เต็มไปด้วยการเร้าอารมณ์    การใช้ภาษา ในหนังสือพิมพ์ ประเภทนี้มักใช้ถ้อยคำที่หวือหวาเกินจริงเร้าอารมณ์ของผู้อ่านมาก   ดึงดูดความสนใจโดยการพาดหัวข่าวตัวโต ๆ  มีรูปภาพประกอบข่าวมากมาย  รูปแบบการเขียนเต็มไปด้วยสีสันจินตนาการ  และมักจะใช้ภาษา แบบสร้างภาพพจน์อยู่เสมอ  หนังสือพิมพ์ประเภทนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายของคนทั่วไปมาก  มียอดจำหน่ายค่อนข้างสูง   ตัวอย่างหนังสือพิมพ์ประเภทนี้ ได้แก่ ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด บ้านเมือง  แนวหน้า  คม ชัด ลึก  เป็นต้น